วิจารณ์ยับ! บอล เชิญยิ้มวอนสังคมอย่ารังเกียจผู้ป่วยโควิด-19 เพราะเขาไม่ได้เป็นเอดส์
เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เรียกได้ว่า ‘ทัวร์ลงหนักมาก’ สำหรับตลกแถวหน้าของเมืองไทย บอล เชิญยิ้ม หรือ ชัชชัย จำเนียรกุล ที่หลังจากเจ้าตัวติดเชื้อโควิด-19 ก็ได้เข้ารับการการรักษาตัวที่โรงพยาบาล และได้มีการวิดีโอคอลพูดคุยกับรายการข่าวชื่อดังรายการหนึ่ง เกี่ยวกับความคืบหน้าของอาการป่วย โดยในบางส่วนของรายการหลาย ๆ คนก็ตงิดใจตรงคำพูดของบอลที่ว่า “อย่าไปรังเกียจเขาเลยครับ เขาไม่ได้น่ากลัว เขาไม่ใช่โรคร้าย เขาไม่ได้เป็นเอดส์” ซึ่งจากคำพูดนี้ก็เกิดเป็นกระแสวิจารณ์หนักมาก ที่บอลนำเรื่องละเอียดอ่อนของผู้ป่วย HIV มาเป็นข้อเปรียบเทียบเพื่อไม่ให้คนอื่นรังเกียจผู้ติดเชื้อโควิด-19
เมื่อคำพูดนี้ถูกปล่อยออกมาแน่นอนเลยว่าคลื่นดราม่าก็ซัดเข้ามาที่ตัวบอลแบบเต็ม ๆ ซึ่งกระแสวิพากษ์วิจารณ์ก็พูดกันไปต่าง ๆ นานา ว่าตัวบอลเองไม่ต้องการให้คนอื่นรังเกียจผู้ป่วยโควิด-19 แต่กลับนำเรื่องของผู้ติดเชื้อ HIV มาพูดในเชิงเหยียดหยาม ซึ่งในความเป็นจริงแล้วโลกของเราเริ่มมีการเปิดกว้างมากขึ้น มีแนวทางการป้องกันโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ติดเชื้อเอดส์ อีกทั้งผู้ติดเชื้อ HIV ในปัจจุบันก็สามารถใช้ชีวิตร่วมกันกับคนปกติได้ มิหนำซ้ำยังติดเชื้อได้ยากกว่าผู้ป่วยโควิด-19 อีกด้วย
จากกรณีนี้ บอล เชิญยิ้ม จึงได้มีการโพสต์ผ่านอินสตราแกรมส่วนตัว @ballyim_uri กล่าวขอโทษที่ได้พูดเรื่องนั้นออกไป พร้อมย้ำแทบจะทุกช่วงคลิปว่าไม่ได้มีเจตนาไม่ดี ทั้งยังมีการระบุแคปชั่นเพื่อแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอความเห็นใจจากทุกคนในสิ่งที่ตัวเองทำพลาดไป โดยมีข้อความระบุเอาไว้ว่า
“ผมต้องกราบขอโทษทุกท่านด้วยนะครับ ถ้าผมใช้คำพูดผิดพลาดอะไรไป ทำให้เข้าใจและสื่อสารผิด ผมขอโทษจากใจจริงๆครับ ผมไม่มีเจตนา อย่างอื่นเลยครับ อาจใช้คำพูดที่ผิด ผมขอกราบขอโทษทุกท่านด้วยนะครับ คราวต่อไปผมจะระวังและไม่ให้เกิดขึ้นอีกครับ หวังว่าทุกคนคงให้อภัยนะครับ ขอโทษจริงๆ ครับ”
เมื่อมีการโพสต์คลิปวิดีโอและแคปชั่นแสดงความรับผิดชอบออกไป ก็มีเหล่าดารา นักร้อง รวมไปถึงศิลปินตลกได้เข้ามาให้กำลังใจบอลเป็นอย่างมาก
ที่สำคัญประเด็นดราม่านี้ไม่ได้อยู่เพียงแค่ในโลกโซเชียลเท่านั้น เพราะ “ครูธัญ” หรือ ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.ก้าวไกลแบบบัญชีรายชื่อได้ออกมาตอกกลับถึงประเด็นเรื่องผู้ป่วยโควิด-19 ไม่น่ากลัวเท่าผู้ติดเชื้อ HIV ที่ บอล เชิญยิ้ม ได้เป็นคนพูด ว่ากรณีนี้เกิดมาจากอคติของสังคมที่เกิดการสื่อสารแบบผิด ๆ เกี่ยวกับประเด็นการอยู่ร่วมกับผู้ป่วย HIV อีกทั้งประชาชนส่วนใหญ่ยังขาดความเข้าใจในเรื่องนี้ ซึ่งมันก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ สังคม และจิตใจ
อีกทั้งครูธัญยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เชื้อ HIV เป็นเชื้อที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไม่ได้ติดต่อกันทางลมหายใจ หรือการใช้ชีวิตร่วมกัน ซึ่งในปัจจุบันทางการแพทย์ก็มียาต้านไวรัสที่สามารถควบคุมเชื้อดังกล่าวให้อยู่ในระดับที่ต่ำมาก ซึ่งเชื้อนี้มีเกณฑ์ต่ำถึงขั้นที่ว่าผู้ติดเชื้อสามารถที่จะมีเพศสัมพันธ์หรือตั้งครรภ์ได้เลย ที่สำคัญหากผู้ป่วยมีการใช้ยาต้านไวรัสเป็นประจำแบบไม่ขาดก็สามารถที่จะมีอายุยืนยาวเหมือนกับคนทั่ว ๆ ไป สามารถทำงาน หรือออกสังสรรค์ได้เหมือนกับคนอื่น ๆ เพียงแต่ว่าสังคมกลับสร้างภาพลักษณ์ของผู้ป่วยให้ดูน่าสงสาร น่ารังเกียจ ไม่ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ทำให้คนในสังคมจดจำแค่ภาพนั้น ๆ จนไม่สามารถแก้ไขความคิดได้
พร้อมทิ้งท้ายว่า ในความเป็นจริงไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานไหน ๆ ภาครัฐหรือภาคเอกชนก็ไม่ควรที่จะก้าวล้ำความเป็นส่วนของตัวของพนักงานด้วยการตรวจเลือดในสถานที่ทำงาน เพราะเราจะรู้หรือไม่นั้นผู้ติดเชื้อ HIV ก็ไม่ได้ส่งผลต่อการรับประทานอาหาร การทำงาน หรือการพูดคุยแต่อย่างใด พร้อมย้ำให้สังคมเลิกตีตราผู้ป่วย HIV ว่าเป็นกลุ่มคนอันตราย เพราะพวกเขาก็ต้องการเพื่อน ต้องการความรัก และต้องการการใช้ชีวิตที่อิสระเหมือนกับเราทุก ๆ คน เว็บบาคาร่าที่คนเล่นเยอะที่สุด 2021
อ่านต่อ :
